วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

งานแต่งที่ อุดรธานี

                                                  งานแต่งที่  อุดรธานี
                              
                                      จัดที่  ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา
                           
                              เมื่อวันที่  2  มีนาคม  2557
 
 












งานแต่งงานของครู กุ้ง กับ รุต เมื่อคืนนี้


งานแต่งงานของครู   กุ้ง  กับ   รุต   เมื่อคืนนี้ 
 
 
 
งานเช้า
 
 
งานเย็น 
 
 
 
 



 


 
 

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ลายสับประรดล่าง

ลายสับปะรดล่าง


มาเริ่มจับลายกัน
1. กรีดผ้าทิ้งกลีบให้ตรง วัดลงมาประมาณ 1 คืบ



2. จับกลีบยึดด้วยเข็มหมุด สับหว่างลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างประมาณ 1-2 นิ้ว ทำประมาณ 4-5 ชั้น เมื่อสำเร็จแล้วโต๊ะจะมีทรงเอวคอด 

 








 
3.ใช้นิ้วกดผ้าด้านบนให้พองออก




แบบสำเร็จ (ทำจนรอบโต๊ะ)





บทสรุปการ ผูกผ้าและจับจีบผ้า จัดเป็นองค์ประกอบโครงสร้างขั้นพื้นฐานของการจัดตกแต่งสถานที่ โดยแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ การผูกผ้า  การผูก การมัดและการจับดอก การทำเฟื่อง การทำระย้า นิยมใช้กับโครงสร้างขนาดใหญ่และใช้พื้นที่ที่มีความกว้างและความยาว เช่น การตกแต่งกำแพง เต้นท์ เวที การจับจีบผ้า  การซ้อน , การพับ , การจีบ , การบิดเกลียว ให้เป็นลวดลายต่างๆ โดยสร้างจุดเด่นด้วยสีและผิวสัมผัสของผ้า ใช้ในการตกแต่งสถานที่ที่มีพื้นที่เฉพาะและเน้นรายละเอียด จากส่วนประกอบของการตกแต่ง เช่นงานแต่งงาน  งานวันเกิด
 

วิธีผูกผ้าเป็นดอก

วิธีผูกผ้าเป็นดอก
การผูกผ้าเป็นดอก เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการจับผ้า ก่อนที่จะส่งผ้าออกไปเป็นระย้า ซึ่งใช้ในงานพิธีต่าง ๆ ร่วมถึงงานพระราชพิธีด้วย
วัสดุอุปกรณ์ในการผูก ประกอบด้วย
1 ผ้าหลากสี
2 เชือก หรือลวด
3 มีด
จับชายผ้าขึ้นมา ผ้าสีแดงจะผูกเป็นเกสร
ให้จับจีบชายผ้า จะให้จีบเป็นระเบียบ หรือจะให้เล็กบ้างใหญ่บ้างแล้วแต่ความต้องการ
ตัดเชือกมีขนาด 1 เมตร เอาปลาย 2 ข้างรวมกัน เพื่อหาจุดศูนย์กลาง ไว้สำหรับผูกผ้า

ชายผ้าที่จับจีบแล้ว ให้รวบเป็นช่อ ให้มีขนาดเหมาะสม จะได้ 1 ช่อกลีบ
ผูกช่อกลีบให้แน่น
แต่งจีบผ้าที่จะจับเป็นช่อกลีบต่อไป
เมื่อจีบผ้าได้ตามที่ต้องการ ให้รวบช่อกลีบที่ 2 ให้มีขนาดเท่ากับกลีบแรก
ผูกช่อกลีบที่ 2 ให้แน่น แล้วทำแบบเดียวกับช่อที่ 1 และ 2 ให้ได้ 5 ช่อกลีย
ช่อกลีบทั้ง 5 ให้เอาช่อกลีบที่ 1 หมุนรวมกัน โดยช่อกลียที่ 1 จะอยู่ตรงกลาง ผูกเชือกให้แน่น ลักษณะทำเหมือนกับการเข้ากลีบดอกไม้ประดิษฐ์
ก็จะได้ส่วนที่เป็นเกสร ในขั้นตอนนี้ให้เอานิ้วสอดเข้าไปในผ้า ในแต่ละช่อกลีบ คลายออก จะทำให้เกสรบานออก ดูแล้วอ่อนหวาน บ้างท่านไม่คลายออกจะทำให้ดูแล้วไม่อ่อนหวาน หลังจากนั้นจับผ้าให้ดูเรียบร้อย (ดูแล้วขี้เหร่หน่อยสิบกว่าปีแล้วไม่จับผูกผ้าเลย)
ขั้นตอนที่ 2 ก็คือการทำช่อกลีบดอกในชั้นต่อไป โดยใช้สีขาว ทำเช่นเดียวกับขั้นตอนทำเกสร แต่ในขั้นนี้ให้ทำช่อกลีบ 10 ช่อกลีบ เพื่อใช้พันรอบเกสร
ขั้นตอนที่ 3 ก็คือการทำช่อกลีบดอกในชั้นต่อไป โดยใช้ผ้าสีส้ม ทำเช่นเดียวกับขั้นตอนทำเกสร ทำช่อกลีบ 10 ช่อกลีบ เช่นเดียวกัน ผมมีความประสงค์ที่จะใช้ผ้าสีขาวอยู่ชั้นกลางถัดจากช่อกลีบเกสร แต่เนื่องจาก ผ้าสีส้มมีความอ่อนกว่าผ้าสีขาว ไม่สามารถดันให้ชั้นสีขาวให้ทรงตัวได้ ทำให้ช่อดอกโดยรวมบานออกมาก จึงทำให้ต้องเปลี่ยนให้ผ้าสีส้มอยู่ชั้นกลาง
รวบผ้าสีส้มที่ทำกลีบเรียบร้อยแล้วให้รอบฐานกลีบเกสร แล้วทำการผูกให้แน่น เช่นเดียวกับผ้าสีขาว ก็ให้ทำแบบเดียวกัน
ให้เอานิ้วมือสอดเข้าไปในรอยพับของกลีบ จะมีช่องว่างอยู่ให้ดึงคลายผ้าออกมา จัดให้เป็นชั้นเรียบร้อย หรือจะให้เป็นไปตามความอิสระของรอยผ้าที่รวบไว้ก่อนผูกช่อกลีย ก็ดูได้ไปอีกแบบหนึ่ง
จะได้ดอกออกมาลักษณะแบบนี้ หรือจะดีกว่าผมสำหรับผู้ที่ทำเป็นประจำ
ภายหลังทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครบจำนวน 3 ชั้น ก็จะได้ช่อดอก ด้วยการจับจีบผ้า
มองดูให้หลายมุมมอง แล้วจัดรูปทรงของดอกให้สวย
จะเห็นผ้าแต่ละชั้นที่ผูกผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำมาพันรวมกัน ตั้งแต่ผ้าที่เราประสงค์ให้เป็นเกสร คือสีแดง ตามด้วยสีส้มที่มีจำนวนช่อกลีบที่ผูก 10 ช่อกลีบด้วยกัน แล้วตามด้วยผ้าสีขาว
เสร็จเรียบร้อยในมุมมองหนึ่ง

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รูปแบบของการจับจีบผ้า

รูปแบบของการจับจีบผ้า


1. การม้วน คือ การจับผ้าที่ใช้ในตกแต่งภายนอก โดยจับม้วนผ้าเป็นครึ่งวงกลม
ทิ้งช่วงห่าง ให้มีระยะงามพอดี




2. การพับ คือ การจับแนวตลบของสันทบผ้าที่ใช้ในการจับจีบให้มีลักษณะเป็นกลีบดอกบัว พับซ้อนกันเหมือนรูปทรงสามเหลี่ยม

3. การซ้อน คือ การจับแนวสัน ทบผ้าของจีบให้ติดกัน โดยใช้เข็ม หมุดกลัดตรงมุมให้ติดกันและ กำหนดช่องไฟให้สับหว่างกัน เหมือนสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน
4. การจีบ คือ การทับซ้อนของผ้าที่มีขนาด ความกว้างและความลึกของจีบเท่ากันและ ในทิศทางเดียวกัน
5. การบิดเกลียว คือ การจับจีบชั้นบนที่ ต้องการตกแต่ง โดยจับมุมผ้าในทิศทาง เฉลียง 45 องศา แล้วยกริมผ้าให้ขนานกับขอบโต๊ะแล้วกำหนดความกว้างและความลึกของจีบ วางเสมอขอบโต๊ะ จะเกิดแนวทแยงบิดเกลียว แล้วจับทบซ้อน ให้มีขนาดความลึกของจีบเท่ากันและในทิศทางเดียวกัน


6. การย่นหรือการรูด คือ การจับริมผ้า หรือส่วนที่ต้องการตกแต่งจับรูดให้เป็น รอยย่น โดยเริ่มทำจากด้านล่างสู่ด้านบน เพื่อให้มีลักษณะพองฟูสวยงาม

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการผูกผ้าและการจับจีบผ้า

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
1. การผูกผ้าและการจับจีบผ้า
2. โอกาสที่ใช้ในการผูกผ้าและจับจีบผ้า
3. ประโยชน์ของการผูกผ้าและจับจีบผ้า

สาระสำคัญ
การผูกผ้า คือ การสร้างสรรค์รูปแบบของการผูก การมัด และการจับดอก เพื่อให้การประดับตกแต่งสถานที่มีความสวยงามมากขึ้น
การจับจีบผ้า คือ ลักษณะการม้วน การพับ การซ้อน การย่น การบิดเกลียว หรือ การจับจีบผ้าให้เป็นรูปแบบต่างๆ
การ ผูกผ้าและการจับจีบผ้ามักใช้เป็นส่วนประกอบในการตกแต่งสถานที่จัดงานในโอกาส ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานพระราชพิธี งานพิธี หรืองานแนะนำสินค้า หรือ การจัดงานทางธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งรูปแบบของการผูกผ้าและจับจีบผ้าจะมีลักษณะอย่างไรขึ้นอยู่กับลักษณะของ งาน วัตถุประสงค์ของ การจัดงาน โครงสร้างของสถานที่ที่จะตกแต่ง
สาระการเรียนรู้
1.การผูกผ้าและการจับจีบผ้า
2.โอกาสที่ใช้ในการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
3.ประโยชน์ของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
ผลการเรียนรู้
1.เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
2.มีทักษะในการผูกผ้าและการจับจีบผ้าในโอกาสต่างๆ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.บอกความหมายของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
2.บอกลักษณะของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
3.มีทักษะในการผูกผ้าและการจับจีบผ้าในโอกาสต่างๆ
4. เห็นคุณค่าในการผูกผ้าและการจับจีบผ้าในโอกาสต่างๆ
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการผูกผ้าและการจีบผ้า
ประเทศ ไทยเป็นประเทศที่มีธรรมชาติ สวยงาม มีพรรณไม้ดอก ไม้ประดับหลากหลายซึ่งคนไทยนิยมนำทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นมาใช้ประดับตกแต่งสถานที่ ในงานพิธีหรืองานเทศกาลและการจัดงานต่าง ๆ แต่ปัจจุบันทรัพยากรเหล่านั้นมีจำนวนลดน้อยลง หายากขึ้น เนื่องจากความเจริญทางวัตถุได้รุกล้ำพื้นที่ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น จึงมีการนำวัสดุอื่น ๆ มาใช้ในการตกแต่งทดแทนเช่นการใช้ลูกโป่งการใช้ผ้าเป็นต้น
สำหรับการใช้ผ้าเป็นวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งสถานที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะเป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ในภายหลังและสามารถเลือกสีของผ้า และรูปแบบของการตกแต่งได้ตามลักษณะของงานจึงทำให้มีผู้ศึกษาวิธีการตกแต่งสถานที่ด้วยการผูกผ้าและจับจีบผ้าเพิ่มมากขึ้น
1.การผูกผ้าและการจับจีบผ้า
1.1ความหมายของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
การ ผูกผ้า (
Bind Down ) หมายถึง การปฏิบัติงานในการสร้างสรรค์รูปแบบของผลงานด้วยการผูก การมัดและการจับดอก เพื่อสร้างงานและเพิ่มมูลค่าของผลงานให้เกิดความสวยงาม
การจับจีบ (
Pleating ) หมายถึงการสร้างสรรค์รูปแบบของงานในการปฏิบัติงานด้วยการม้วน การพับ การซ้อน การจีบ การบิดเกลียว การรูดหรือการย่น
1.2รูปแบบของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
รูปแบบของการผูกผ้ามี3รูปแบบคือ
- ดอก คือ ส่วนสำคัญขององค์ประกอบการทั้งหมด ถูกกำหนดให้เป็นจุดเด่น

- เฟื่อง คือ องค์ประกอบในการผูกผ้าเพื่อแก้ปัญหาด้านพื้นที่ เวลา และโครงสร้าง
- ระย้า คือ การผูกผ้าที่มีลักษณะเป็นพวงพุ่ม จะอยู่ภายใต้ดอกหรือเฟื่อง

ลายดอกระย้า

เราผูกเป็นก็เป็นเสน่ห์สำหรับตนเองนะคะ
ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หรือยามที่จำเป็น
ต้องทำเอง
การผูกผ้าแบบนี้
ชื่อว่า...ลายดอกกระย้าทับสิ้นค่ะ
ลายดอกระย้าทับสิ้น
ส่วนมากจะใช้สำหรับงานหรูๆตอนกลางคืน
งานมงคลสมรส งานเปิดตัวสินค้า ฯ
อุปกรณ์ที่ใช้ ในการทำครั้งนี้มี
1. ผ้าสองชิ้น ผ้าปูโต๊ะ 3 ชิ้น ผ้าปูโต๊ะ 1 ชิ้น
ผ้าจับจีบซิ่น 1 ชิ้น ผ้าจับดอก 1 ชิ้น
2. เข็มหมุด
3. ลวด
4. กรรไกรใช้ตัดผ้า


ลายผ้าประดับ








วัสดุและอุปกรณ์ การผูกและจับจีบผ้าประดับอาคาร

วัสดุและอุปกรณ์ การผูกและจับจีบผ้าประดับอาคา


นการออกแบบและตกแต่งการผูกและจับจีบผ้าประดับตกแต่งอาคาร สถานที่ต่าง ๆ ผู้จัดจำเป็นจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ เพื่อจัดเตรียมให้พร้อมและเหมาะสมกับงานที่จะใช้ และเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงาน ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน ทำให้งานสำเร็จในเวลา วัสดุ อุปกรณ์ที่สำคัญ มีดังนี้
1.  ผ้า
ผ้ามีความสำคัญมาก ในการประดับตกแต่ง ก่อนที่จะนำผ้าไปใช้จึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้เรื่องเส้นใยของเนื้อผ้าพอสังเขปก่อน
ผ้ามีคุณสมบัติในตัวที่แตกต่างกันไปตามประโยชน์ใช้สอย โดยมีคุณสมบัติด้านเส้นใยโดยรวม มีอยู่  2  ชนิด คือ เส้นใยธรรมชาติ  ละ เส้นใยสังเคราะห์
ผ้าเส้นใยที่ทำขึ้นมาจากธรรมชาติ   เช่น  ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน  ผ้าป่าน  มีคุณสมบัติที่ดี คือ  เนื้อผ้ามีน้ำหนัก จับจีบจะอยู่ทรงได้ดี  ทนนาน  จะจับดอกเล็ก ดอกใหญ่ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการอยู่ทรงของดอก ฯ  มีข้อเสีย คือ เส้นใยมีความยืดหยุ่นน้อย ไม่ค่อยมีความมันวาว  ยับง่าย
ผ้าเส้นใยที่เกิดจากการสังเคราะห์ขึ้น เช่น  ผ้าซิเตต  ผ้าโพลีเอสเตอร์  ผ้าไนล่อน  ผ้าออร์ล่อน  ผ้าต่วน  ผ้าเหล่านี้มีคุณสมบัติดี  คือ เนื้อผ้านุ่ม จับเบามือ  เรียบ  มันวาวทำให้ดูแพรวพราวระยิยระยับ  ไม่ค่อยยับ  รอยย่นคืนตัวได้ดี กว่าผ้าเส้นใยธรรมชาติ  ข้อเสีย คือ  มีข้อจำกัดในการจับจีบผ้า จับจีบโตๆ แบบดอกไม้ดอกใหญ่ๆ ไม่สู้ดี ดอกจะย้วยย้อยดูเหี่ยวเฉา

2.  ลวด 
ใช้ผูกรัดผ้าให้คงรูปหลังจับจีบ จัดกลีบประกอบดอกตลอดจนมัดแขวนประกอบเข้ากับโครงสร้างที่ตกแต่งนั้น ๆ การใช้ลวดแทนด้ายหรือเชือก เนื่องจากสามารถรัดได้โดยฟั่นเกลียวเป็นรอยพับหรือบิดโดยต่อเนื่องเวลาแกะหรือแก้ก็สะดวกไม่ยุ่งยาก ลวดที่ใช้ควรมีขนาดของเส้นพอเหมาะ     ไม่ใหญ่จนแข็งยากแก่การบิดงอ หรือเล็กจนไม่สามารถมัดผ้าให้คงรูปลักษณะตามที่ต้องการได้
3.  คีมตัดลวด 
มีขายตามร้านขายเครื่องก่อสร้างทั่ว ๆ ไป เลือกอันที่เหมาะสม กับลวดที่ใช้
4.  ค้อนตอกตะปู  
อุปกรณ์ทั้งสองนี้ก็มีความจำเป็นในกรณีที่ต้องกำหนดจุดในการมัดผ้า โยงผ้า เพื่อตรึงผ้าตามจุดต่าง ๆ แต่ถ้าหากสามารถใช้ลวดหรือเชือกมัดได้โดยไม่ต้องใช้ตะปูตอก ก็ไม่ต้องตอกตะปูเพราะพื้นผนังสะเสียมีรอยตะปูดูไม่งาม
5.  กรรไกร 
กรณีใช้เชือก หรือ ฟาง  แทนลวด ก็ต้องมีกรรไกรในการตัด
6.  ตะปู  
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ตะปูตอกไม้และตะปูตอกคอนกรีต ตะปูทั้ง 2 ประเภท ใช้ตอกยึดติดอาคารตามอาคารที่ใช้ เพื่อยึดงานผ้าให้แขวนติดกับโครงสร้างที่ต้องการตกแต่งนั้น ๆ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ลวดยึดติดกับโครงสร้างได้ ขนาดที่ใช้  1 นิ้วครึ่ง  หรือ 2 นิ้ว
7.  ตลับเมตร  
เป็นสายวัดสำหรับช่างไม้และช่างอุตสาหกรรมทำจากโลหะสำหรับวัดความยาวหรือความกว้างของโครงสร้างที่จะตกแต่งและแบ่งเนื้อที่ความยาวหรือความกว้างให้เป็นส่วนย่อยขนาดเท่า ๆ กัน
8.  เข็มหมุดหัวมุก
ใช้สำหรับยึดผลงานให้คงรูป เช่น จับจีบเพื่อทำลวดลายผ้า ยึดกลีบดอก ยึดระย้า

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การผูกผ้าลายปีกโนราห์



การผูกผ้าลายปีกโนราห์

ขอสารภาพว่าลายนี้โดดเรียน คงไม่มีภาพตอนทำทำมาให้ดูก็ขอเลยและกัน เพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกันและแว๊ปเข้ามาดู blog เรา เราขอรูปด้วยน๊ะ จะเอามาลงประกอบขอกันง่าย ๆ แบบนี้แหละ
เอาขั้นตอนไปก่อน เดี๋ยวรูปจะตามมาน๊ะ

ลายปีกโนราห์



 
1.แบ่งครึ่งผ้า ตลบผ้าด้านบนเข้าข้างในปล่อยผ้าด้านล่างให้ยาวลงมา

2. เริ่มขึ้นกลีบแรกตรงกึ่งกลางโต๊ะ กว่างประมาณ 1 นิ้ว ด้านละ 12 กลีบ


3. จับคู่กลีบ (เหมือนลายสัปปะรด) โดยยกเว้นกลีบสุดท้ายของแต่ละด้าน

4. ยึดกลีบสุดท้ายของแต่ละด้านไว้กับโต๊ะ

5. ชั้นที่ 2 จับสับหว่างเหมือนสับปะรด ลดลงมาทีละส่วนเหมือนหน้าช้าง ห่างกันประมาณ 1-2 นิ้ว

6. รั้งผ้ากลีบแรกของแต่ละข้างมายึดกับขอบโต๊ะ



7.จับจีบทวิชทั้ง 2 ข้าง เพื่อเก็บชายผ้าที่เหลือ

8. ทำกลีบอีก 12 กลีบทั้งสองด้าน (โต๊ะสี่เปลี่ยมด้านกว้าง)

9. จับคู่สับหว่างแต่ละชั้นเป็นหน้าช้าง ดึงชายผ้าขึ้นยึดกับขอบโต๊ะ ทวิชเก็บชายผ้า ส่วนผ้าที่เหลือขึงให้ตึง แล้วเก็บผ้าไว้ด้านหลังของโต๊ะ (โต๊ะสี่เปลี่ยมด้านกว้าง)

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

จับจีบผ้าลายดอกไม้

จับจีบผ้าลายดอกไม้



 
ขั้นตอนการฝึก1. ปูผ้าปูโต๊ะ ใช้ลวดผูกยึดผ้าปูโต๊ะให้ตึงและติดกับโต๊ะ















2. นำผ้าจับจีบมาทาบเพื่อเทียบความสูงให้เท่ากับโต๊ะ พับทบผ้าให้ด้านมันอยู่ด้านนอก










 

 
3. กลัดเข็มหมุดที่ปลายผ้าเพื่อยึดผ้าติดกับโต๊ะ














4. กลัดเข็มหมุดที่มุมโต๊ะ เพื่อเริ่มจับจีบผ้า (หมายเลข 1)








 


5. กลัดเข็มหมุดห่างจากมุมโต๊ะระยะ 4 นิ้ว (หมายเลข 2)













6. จับจีบผ้าขนาด 7 นิ้ว กลัดเข็มหมุดตรึงไว้






 



7. ดึงผ้าขนานกับขอบโต๊ะ ห่างจากจีบที่ 1 ระยะ 8 นิ้ว กลัดเข็มหมุดตรึงกับขอบโต๊ะ(หมายเลข 3)




 

8.จับจีบที่ 2 ขนาด 7 นิ้ว ใช้เข็มหมุดกลัดตรึงกับขอบโต๊ะ






 

9. จากนั้นทำตามขั้นตอนในข้อ 7 และ8 ไปจนครบ โดยให้ระยะห่าง
และขนาดของจีบให้เท่ากันเพื่อความสวยงาม









10. เมื่อจับจีบผ้าครบตามต้องการ ให้จบการจับจีบโดยจับจีบผ้าขนาด 8 นิ้ว ดึงจีบผ้าขนาน
กับขอบโต๊ะ กลัดเข็มหมุดตรึงติดกับขอบโต๊ะ เก็บชายผ้าที่เหลือไว้ใต้โต๊ะ








 

11. การจัดลายดอกไม้ จับชายผ้าด้านนอกของจีบ จับจีบผ้าไล่ขึ้นจนถึงสันจีบ ใช้หัวแม่มือ
กับนิ้วชี้กดผ้าที่จับจีบไว้แล้วจึงกลัดเข็มหมุดตรงกึ่งกลางผ้าที่จับจีบไว้