วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

งานแต่งที่ อุดรธานี

                                                  งานแต่งที่  อุดรธานี
                              
                                      จัดที่  ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา
                           
                              เมื่อวันที่  2  มีนาคม  2557
 
 












งานแต่งงานของครู กุ้ง กับ รุต เมื่อคืนนี้


งานแต่งงานของครู   กุ้ง  กับ   รุต   เมื่อคืนนี้ 
 
 
 
งานเช้า
 
 
งานเย็น 
 
 
 
 



 


 
 

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ลายสับประรดล่าง

ลายสับปะรดล่าง


มาเริ่มจับลายกัน
1. กรีดผ้าทิ้งกลีบให้ตรง วัดลงมาประมาณ 1 คืบ



2. จับกลีบยึดด้วยเข็มหมุด สับหว่างลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างประมาณ 1-2 นิ้ว ทำประมาณ 4-5 ชั้น เมื่อสำเร็จแล้วโต๊ะจะมีทรงเอวคอด 

 








 
3.ใช้นิ้วกดผ้าด้านบนให้พองออก




แบบสำเร็จ (ทำจนรอบโต๊ะ)





บทสรุปการ ผูกผ้าและจับจีบผ้า จัดเป็นองค์ประกอบโครงสร้างขั้นพื้นฐานของการจัดตกแต่งสถานที่ โดยแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ การผูกผ้า  การผูก การมัดและการจับดอก การทำเฟื่อง การทำระย้า นิยมใช้กับโครงสร้างขนาดใหญ่และใช้พื้นที่ที่มีความกว้างและความยาว เช่น การตกแต่งกำแพง เต้นท์ เวที การจับจีบผ้า  การซ้อน , การพับ , การจีบ , การบิดเกลียว ให้เป็นลวดลายต่างๆ โดยสร้างจุดเด่นด้วยสีและผิวสัมผัสของผ้า ใช้ในการตกแต่งสถานที่ที่มีพื้นที่เฉพาะและเน้นรายละเอียด จากส่วนประกอบของการตกแต่ง เช่นงานแต่งงาน  งานวันเกิด
 

วิธีผูกผ้าเป็นดอก

วิธีผูกผ้าเป็นดอก
การผูกผ้าเป็นดอก เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการจับผ้า ก่อนที่จะส่งผ้าออกไปเป็นระย้า ซึ่งใช้ในงานพิธีต่าง ๆ ร่วมถึงงานพระราชพิธีด้วย
วัสดุอุปกรณ์ในการผูก ประกอบด้วย
1 ผ้าหลากสี
2 เชือก หรือลวด
3 มีด
จับชายผ้าขึ้นมา ผ้าสีแดงจะผูกเป็นเกสร
ให้จับจีบชายผ้า จะให้จีบเป็นระเบียบ หรือจะให้เล็กบ้างใหญ่บ้างแล้วแต่ความต้องการ
ตัดเชือกมีขนาด 1 เมตร เอาปลาย 2 ข้างรวมกัน เพื่อหาจุดศูนย์กลาง ไว้สำหรับผูกผ้า

ชายผ้าที่จับจีบแล้ว ให้รวบเป็นช่อ ให้มีขนาดเหมาะสม จะได้ 1 ช่อกลีบ
ผูกช่อกลีบให้แน่น
แต่งจีบผ้าที่จะจับเป็นช่อกลีบต่อไป
เมื่อจีบผ้าได้ตามที่ต้องการ ให้รวบช่อกลีบที่ 2 ให้มีขนาดเท่ากับกลีบแรก
ผูกช่อกลีบที่ 2 ให้แน่น แล้วทำแบบเดียวกับช่อที่ 1 และ 2 ให้ได้ 5 ช่อกลีย
ช่อกลีบทั้ง 5 ให้เอาช่อกลีบที่ 1 หมุนรวมกัน โดยช่อกลียที่ 1 จะอยู่ตรงกลาง ผูกเชือกให้แน่น ลักษณะทำเหมือนกับการเข้ากลีบดอกไม้ประดิษฐ์
ก็จะได้ส่วนที่เป็นเกสร ในขั้นตอนนี้ให้เอานิ้วสอดเข้าไปในผ้า ในแต่ละช่อกลีบ คลายออก จะทำให้เกสรบานออก ดูแล้วอ่อนหวาน บ้างท่านไม่คลายออกจะทำให้ดูแล้วไม่อ่อนหวาน หลังจากนั้นจับผ้าให้ดูเรียบร้อย (ดูแล้วขี้เหร่หน่อยสิบกว่าปีแล้วไม่จับผูกผ้าเลย)
ขั้นตอนที่ 2 ก็คือการทำช่อกลีบดอกในชั้นต่อไป โดยใช้สีขาว ทำเช่นเดียวกับขั้นตอนทำเกสร แต่ในขั้นนี้ให้ทำช่อกลีบ 10 ช่อกลีบ เพื่อใช้พันรอบเกสร
ขั้นตอนที่ 3 ก็คือการทำช่อกลีบดอกในชั้นต่อไป โดยใช้ผ้าสีส้ม ทำเช่นเดียวกับขั้นตอนทำเกสร ทำช่อกลีบ 10 ช่อกลีบ เช่นเดียวกัน ผมมีความประสงค์ที่จะใช้ผ้าสีขาวอยู่ชั้นกลางถัดจากช่อกลีบเกสร แต่เนื่องจาก ผ้าสีส้มมีความอ่อนกว่าผ้าสีขาว ไม่สามารถดันให้ชั้นสีขาวให้ทรงตัวได้ ทำให้ช่อดอกโดยรวมบานออกมาก จึงทำให้ต้องเปลี่ยนให้ผ้าสีส้มอยู่ชั้นกลาง
รวบผ้าสีส้มที่ทำกลีบเรียบร้อยแล้วให้รอบฐานกลีบเกสร แล้วทำการผูกให้แน่น เช่นเดียวกับผ้าสีขาว ก็ให้ทำแบบเดียวกัน
ให้เอานิ้วมือสอดเข้าไปในรอยพับของกลีบ จะมีช่องว่างอยู่ให้ดึงคลายผ้าออกมา จัดให้เป็นชั้นเรียบร้อย หรือจะให้เป็นไปตามความอิสระของรอยผ้าที่รวบไว้ก่อนผูกช่อกลีย ก็ดูได้ไปอีกแบบหนึ่ง
จะได้ดอกออกมาลักษณะแบบนี้ หรือจะดีกว่าผมสำหรับผู้ที่ทำเป็นประจำ
ภายหลังทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครบจำนวน 3 ชั้น ก็จะได้ช่อดอก ด้วยการจับจีบผ้า
มองดูให้หลายมุมมอง แล้วจัดรูปทรงของดอกให้สวย
จะเห็นผ้าแต่ละชั้นที่ผูกผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำมาพันรวมกัน ตั้งแต่ผ้าที่เราประสงค์ให้เป็นเกสร คือสีแดง ตามด้วยสีส้มที่มีจำนวนช่อกลีบที่ผูก 10 ช่อกลีบด้วยกัน แล้วตามด้วยผ้าสีขาว
เสร็จเรียบร้อยในมุมมองหนึ่ง

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รูปแบบของการจับจีบผ้า

รูปแบบของการจับจีบผ้า


1. การม้วน คือ การจับผ้าที่ใช้ในตกแต่งภายนอก โดยจับม้วนผ้าเป็นครึ่งวงกลม
ทิ้งช่วงห่าง ให้มีระยะงามพอดี




2. การพับ คือ การจับแนวตลบของสันทบผ้าที่ใช้ในการจับจีบให้มีลักษณะเป็นกลีบดอกบัว พับซ้อนกันเหมือนรูปทรงสามเหลี่ยม

3. การซ้อน คือ การจับแนวสัน ทบผ้าของจีบให้ติดกัน โดยใช้เข็ม หมุดกลัดตรงมุมให้ติดกันและ กำหนดช่องไฟให้สับหว่างกัน เหมือนสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน
4. การจีบ คือ การทับซ้อนของผ้าที่มีขนาด ความกว้างและความลึกของจีบเท่ากันและ ในทิศทางเดียวกัน
5. การบิดเกลียว คือ การจับจีบชั้นบนที่ ต้องการตกแต่ง โดยจับมุมผ้าในทิศทาง เฉลียง 45 องศา แล้วยกริมผ้าให้ขนานกับขอบโต๊ะแล้วกำหนดความกว้างและความลึกของจีบ วางเสมอขอบโต๊ะ จะเกิดแนวทแยงบิดเกลียว แล้วจับทบซ้อน ให้มีขนาดความลึกของจีบเท่ากันและในทิศทางเดียวกัน


6. การย่นหรือการรูด คือ การจับริมผ้า หรือส่วนที่ต้องการตกแต่งจับรูดให้เป็น รอยย่น โดยเริ่มทำจากด้านล่างสู่ด้านบน เพื่อให้มีลักษณะพองฟูสวยงาม

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการผูกผ้าและการจับจีบผ้า

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
1. การผูกผ้าและการจับจีบผ้า
2. โอกาสที่ใช้ในการผูกผ้าและจับจีบผ้า
3. ประโยชน์ของการผูกผ้าและจับจีบผ้า

สาระสำคัญ
การผูกผ้า คือ การสร้างสรรค์รูปแบบของการผูก การมัด และการจับดอก เพื่อให้การประดับตกแต่งสถานที่มีความสวยงามมากขึ้น
การจับจีบผ้า คือ ลักษณะการม้วน การพับ การซ้อน การย่น การบิดเกลียว หรือ การจับจีบผ้าให้เป็นรูปแบบต่างๆ
การ ผูกผ้าและการจับจีบผ้ามักใช้เป็นส่วนประกอบในการตกแต่งสถานที่จัดงานในโอกาส ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานพระราชพิธี งานพิธี หรืองานแนะนำสินค้า หรือ การจัดงานทางธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งรูปแบบของการผูกผ้าและจับจีบผ้าจะมีลักษณะอย่างไรขึ้นอยู่กับลักษณะของ งาน วัตถุประสงค์ของ การจัดงาน โครงสร้างของสถานที่ที่จะตกแต่ง
สาระการเรียนรู้
1.การผูกผ้าและการจับจีบผ้า
2.โอกาสที่ใช้ในการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
3.ประโยชน์ของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
ผลการเรียนรู้
1.เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
2.มีทักษะในการผูกผ้าและการจับจีบผ้าในโอกาสต่างๆ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.บอกความหมายของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
2.บอกลักษณะของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
3.มีทักษะในการผูกผ้าและการจับจีบผ้าในโอกาสต่างๆ
4. เห็นคุณค่าในการผูกผ้าและการจับจีบผ้าในโอกาสต่างๆ
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการผูกผ้าและการจีบผ้า
ประเทศ ไทยเป็นประเทศที่มีธรรมชาติ สวยงาม มีพรรณไม้ดอก ไม้ประดับหลากหลายซึ่งคนไทยนิยมนำทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นมาใช้ประดับตกแต่งสถานที่ ในงานพิธีหรืองานเทศกาลและการจัดงานต่าง ๆ แต่ปัจจุบันทรัพยากรเหล่านั้นมีจำนวนลดน้อยลง หายากขึ้น เนื่องจากความเจริญทางวัตถุได้รุกล้ำพื้นที่ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น จึงมีการนำวัสดุอื่น ๆ มาใช้ในการตกแต่งทดแทนเช่นการใช้ลูกโป่งการใช้ผ้าเป็นต้น
สำหรับการใช้ผ้าเป็นวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งสถานที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะเป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ในภายหลังและสามารถเลือกสีของผ้า และรูปแบบของการตกแต่งได้ตามลักษณะของงานจึงทำให้มีผู้ศึกษาวิธีการตกแต่งสถานที่ด้วยการผูกผ้าและจับจีบผ้าเพิ่มมากขึ้น
1.การผูกผ้าและการจับจีบผ้า
1.1ความหมายของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
การ ผูกผ้า (
Bind Down ) หมายถึง การปฏิบัติงานในการสร้างสรรค์รูปแบบของผลงานด้วยการผูก การมัดและการจับดอก เพื่อสร้างงานและเพิ่มมูลค่าของผลงานให้เกิดความสวยงาม
การจับจีบ (
Pleating ) หมายถึงการสร้างสรรค์รูปแบบของงานในการปฏิบัติงานด้วยการม้วน การพับ การซ้อน การจีบ การบิดเกลียว การรูดหรือการย่น
1.2รูปแบบของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า
รูปแบบของการผูกผ้ามี3รูปแบบคือ
- ดอก คือ ส่วนสำคัญขององค์ประกอบการทั้งหมด ถูกกำหนดให้เป็นจุดเด่น

- เฟื่อง คือ องค์ประกอบในการผูกผ้าเพื่อแก้ปัญหาด้านพื้นที่ เวลา และโครงสร้าง
- ระย้า คือ การผูกผ้าที่มีลักษณะเป็นพวงพุ่ม จะอยู่ภายใต้ดอกหรือเฟื่อง

ลายดอกระย้า

เราผูกเป็นก็เป็นเสน่ห์สำหรับตนเองนะคะ
ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หรือยามที่จำเป็น
ต้องทำเอง
การผูกผ้าแบบนี้
ชื่อว่า...ลายดอกกระย้าทับสิ้นค่ะ
ลายดอกระย้าทับสิ้น
ส่วนมากจะใช้สำหรับงานหรูๆตอนกลางคืน
งานมงคลสมรส งานเปิดตัวสินค้า ฯ
อุปกรณ์ที่ใช้ ในการทำครั้งนี้มี
1. ผ้าสองชิ้น ผ้าปูโต๊ะ 3 ชิ้น ผ้าปูโต๊ะ 1 ชิ้น
ผ้าจับจีบซิ่น 1 ชิ้น ผ้าจับดอก 1 ชิ้น
2. เข็มหมุด
3. ลวด
4. กรรไกรใช้ตัดผ้า